สามหาบ หมายถึงอาหารคาวหวาน ๓ คู่ ถวายพระสงฆ์เมื่อเวลาเก็บอัฐิ
ที่มาของคำนี้คือ ประเพณีการเก็บอัฐสมัยโบราณนิยมจัดอาหารคาวหวานอย่างละ ๓ ชุด ใส่ภาชนะเช่นหม้อดินและกระทงใบตอง ยกภาชนะนั้นวางบนกระจาดหรือตระกร้าแล้วใส่สาแหรกหาบไปยังที่เผาศพซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในป่า โดยแบ่งเป็น ๓ ชุด ๆ ละหาบ ผู้หาบนิยมเป็นผู้ชายและไม่นิยมหาบเดินตามกันไป แต่จะแยกย้ายกันไปคนละทิศ พร้อมทั้งส่งเสียงกู่ตะโกนเรียกกันคล้ายกับคนหลงทาง แล้วมาพบกันที่เผาศพซึ่งมีญาติและพระ ๓ รูปรออยู่ เมื่อทำพิธีเก็บอัฐิเสร็จก็นำอาหารทั้งสามหาบมาถวายพระ ๓ รูป นั้น นี้เป็นความนิยมของแต่ละท้องถิ่น
ปัจจุบันนิยมทำเพียงนำอาหารคาวหวานใส่ปิ่นโต ๓ ชุดไปถวายพระในที่เก็บอัฐิ เป็นกิริยาว่าได้ทำสามหาบแล้ว การทำเช่นนี้น่าจะเรียกว่า "สามหิ้ว " มากกว่า" สามหาบ"
สายสิญจน์ เป็นคำใช้เรียกเส้นด้ายสีขาวยาว ๆ ที่พระถือขณะประนมมือเจริญพระพุทธมนต์หรือที่วงรอบบ้านเรือนเพื่อให้เป็นสิริมงคลเวลาทำบุญที่บ้าน
ในเวลาทำบุญที่บ้านนิยมใช้สายสิญจน์วงรอบบ้านโดยเวียนขวาคือวนให้บ้านอยู่ทางขวามือแล้วโยงมาวนขวาที่ฐานพระพุทธรูปอีกรอบหนึ่งหรือสามรอบ แล้วคลี่มาวางไว้บนพานซึ่วางอยู่ด้านขวามือของพระภิกษุที่เป็นประธานสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
ด้ายสายสิญจน์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ด้ายปริตร คือด้ายสายสิญจน์ที่เกิดจากพุทธมนต์ที่พระท่านสวดสาธยายหรือเศกเป่าไว้ ถือกันว่าสามารถป้องกันอันตรายเช่นภูตผีปีศาจได้ และถือว่าเป็นด้ายมงคล เช่น ด่ายที่จับเป็นวงกลมสองวงสำหรับสวมศรีษะคู่บ่าวสาวซึ่งเรียกว่า มงคลแฝด
สำรับ สำรับโดยปกติใช้เรียกภาชนะสำหรับใส่กับข้าวคาวหวาน ใช้เรียกเหมือนกันทั้งในบ้านและในวัด สำรับคาว สำรับหวาน
ในคำวัด เรียกการยกสำรับออกจากหน้าพระเมื่อฉันเสร็จแล้วว่า ถอนสำรับ
สำรับอีกความหมายหนึ่ง หมายถึงจำนวนพระ ๔ รูปที่สวดศพ เรียกว่า พระ ๑ สำรับ หากมีสวด ๘ รูป ก็เรียกว่า พระ ๒ สำรับ และยังใช้เรียกคฤหัสถ์ที่เป็นนักสวดเช่นสวดมาลัยในงานศพสมัยโบราณด้วยว่า นักสวด ๑ สำรับ
ถ้าเป็นงานศพของหลวง ใช้พระพิธีธรรมสวด ก็เรียกว่า พระพิธีธรรม ๑ สำรับ
( คำวัด ของ พระธรรมกิตติวงศ์ ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙. ราชบัณฑิต )
ยาแก้อาการช้ำใน ท่านให้เอาเม็ดถั่วเขียว จำนวนมากพอสมควร นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำตาลทรายขาว ใช้กินทั้งเนื้อและน้ำ อาการช้ำในที่เกิดเพราะตกจากที่สูงหรือถูกระแทกด้วยของแข็ง จะพลันหายไปอย่างน่าอัศจรรย์แล
ยาแก้อาการปวดหัวเข่า ท่านให้เอา ต้นผักเสี้ยนผีทั้งห้า ( ถอนทั้งต้นตลอดถึงราก ) ล้างน้ำให้สะอาด ๑ ไพล ๑ การบูร ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้เอาอย่างละพอสมควร นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับสุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้ทาถูนวดบริเวณหัวเข่า มีสรรพคุณแก้โรคปวดหัวเข่า ได้ผลดีอย่างชงัดนักแล
(พระครูสมุทรวราภรณ์ วัดทรงธรรม อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ผัดเผ็ดหอยลาย
ส่วนประกอบ หอยลาย ๒ ถ้วย ใบโหระพา ๑ ถ้วย น้ำปลา ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ พริกแกง ๒ ช้อนโต๊ะ นมข้นจืด ๑/๒ น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา
วิธีทำ
๑. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปนิดหน่อย เปิดไฟกลาง จากนั้นใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอม
๒. ใส่หอยลายลงไปผัดให้หอยสุก โดยสังเกตุว่าเปลือกหอยจะอ้าออกจากกัน
๓. จากนั้นจึงค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล ชิมรสตามชอบ
๔. เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้ว จึงค่อยเติมนมข้นจืดลงไป คลุกเคล้าให้พริกแกงกับหอยลายเข้ากัน
๕. จากนั้นจึงค่อยใส่ใบโหระพาลงไป ผัดพอโระพาสลดจึงค่อยดับไฟ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
( ผัดเผ็ด รสเด็ดคู่ครัวไทย ครัวไพลิน )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น