บาตรนอกจากบาตรอธิษฐาน เรียกว่าอติเรกบาตร อติเเรกบาตรนั้น ภิกษุเก็บไว้ได้เพียง ๑๐ วัน เป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้ล่วง ๑๐ วันไป ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
นิทานต้นบัญญัติ ภิกษุฉัพพัคคีย์ สะสมบาตรไว้เป็นอันมาก ถูกมนุษย์ติเตียนว่า เป็นพ่อค้าบาตร พระผู้มีพระภาคทรงทราบ จึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุเก็บบาตรอติเรก ( คือที่เกิน ๑ ลูก ซึ่งเกินจำเป็นสำหรับใช้เป็นประจำ ) ไว้เกิน ๑๐ วัน ต้องนิสสัคคิย์ปาจิตตีย์.
อธิบาย บาตรนั้น เป็นของทำด้วยดินเผาบ้าง ด้วยเหล็กบ้าง มีขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เป็นของทรงอนุญาตให้เป็นบริขาร (ของใช้สอย ) ของภิกษุเฉพาะใบเดียว บาตรอันภิกษุตั้งไว้เป็นบริขารอย่างนี้ เรียกบาตรอธิษฐาน
ลักษณะแห่งอาบัติ ภิกษุไม่เสียสละบาตรที่เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ใช้สอย ต้องทุกกฏ
คำเสียสละแก่บุคคลว่าอย่างนี้ " อะยัง เม ภันเต ปัตโต ทะสาหาติกกันโต นิสสัคคิโย, อิมาหัง อายัสมะโต นิสสัชชามิ"
แปลว่า " บาตรใบนี้ของข้าพเจ้าล่วง ๑๐ วัน จะต้องสละ ข้าพเจ้าขอสละบาตรใบนี้แก่ท่าน"
คำคืน ว่าดังนี้ " อิมัง ปัตตัง อายัสมะโต ทัมมิ"
แปลว่า " ข้าพเจ้าคืนบาตรใบนี้ให้แก่ท่าน "
ภิกษุเสพเมถุน( ร่วมประเวณี, ร่วมสังวาส) ต้องปาราชิก.
ภิกษุถือเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ได้ราคา ๕ มาสก ต้องปาราชิก.
ภิกษุแกล้ง (จงใจ ) ฆ่ามนุษย์ให้ตาย ต้องปาราชิก.
ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรม ( คือธรรมอันยิ่งของมนุษย์ ) ที่ไม่มีในตน ต้องปาราชิก.
สรุปอาบัติปาราชิก
๑. ภิกษุล่วงละเมิดข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ย่อมไม่ได้เพื่อจะอยู่ร่วมกับภิกษุทั้งหลายอีก เหมือนในกาลที่ยังไม่ล่วงละเมิด เป็นปาราชิกหาสังวาสมิได้
๒. แม้จะอุปสมบทอีก ก็ไม่เป็นภิกษุโดยชอบด้วยพระวินัยตลอดชาติ
๓. อาบัติปาราชิกนี้ เป็นอเตกิจฉา แก้ไขไม่ได้ เป็นอนวเสส หาส่วนเหลือมิได้ เป็นมูลเฉท คือตัดรากเง่า ( ห้ามมรรค ผล นิพพาน แต่ไม่ห้ามสวรรค์ )
น้ำกล้วยหอมปั่น น้ำกล้วยหอมปั่น น้ำกล้วยหอมปั่น น้ำกล้วยหอมปั่น น้ำกล้วยหอมปั่น น้ำกล้วย
การเตรียม
๑. กล้วยหอม ๑ ผล
๒. น้ำเชื่อม พอสมควร
๓. นมสด พอสมควร
๔. เกลือป่น เล็กน้อย
๕. น้ำแข้งทุบ พอสมควร
วิธีทำ
๑. ปอกเปลือกกล้วยหอมและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
๒. นำน้ำแข็งทุบใส่เครื่องปั่น จากนั้นใส่กล้วยหอม น้ำเชื่อมนมสด ( หรือจะใส่ตอนหลังปั่นเสร็จก็ได้ ) และเกลือป่นเล็กน้อย ปั่นทั้งหมดให้ละเอียด
๓. เทใส่แก้วดื่มได้ทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น