เรื่องของการทำบุญตักบาตรพระนั้นตามธรรมเนียมที่ถูกต้อง ที่ทำแล้วได้บุญกุศลจริง ๆ ก็คือ การเลือกสรรอาหารหรือการดูแลอาหารที่ดีสักหน่อย ตามคำในพระไตรปิฏกที่เคยมีกล่าวไว้ถึงเรื่องการตักบาตรว่า ถ้าเรากิรอย่างไรเราก็ใส่อย่างนั้น หรือเรากินอย่างไรตักบาตรพระให้ดีกว่านั้น มิใช่ว่าเรากินอย่างไรแล้วทำบุญทำทานในสิ่งที่แย่กว่าที่เรากินอยู่หรือเป็นอยู่
ควรจะจัดเตรียมดูแลเรื่องอาหารให้ดี ถ้าทำอาหารเองที่บ้านก็ต้องเลือกคัดสรรผักที่สะอาดสวยงามไม่ใช่ผักเก่า ๆ เหี่ยว ๆ เลือกเนื้อสัตว์ที่ดี ไม่ใช่เนื้อสัตว์ที่ใกล้หมดอายุแล้ว ปรุงอาหารด้วยความสะอาด ปรุงอาหารให้สุกและร้อน ๆ จัดเตรียมให้เรียบร้อยทั้งของหวานและคาว ควรมีผลไม้หรือขนมหวานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกในการทำกับข้าวเอง การที่จะออกไปซื้อที่ตลาดก็สะดวกดี แต่ควรจะเลือกอาหารด้วย ไม่ใช่เห็นเขาเตรียมใส่ถาดให้เราอย่างไร เราก็ซื้อใส่บาตรไปอย่างนั้น การเลือกสรรสักนิดก็เป็นการทำบุญอันประณีต ผลบุญที่ได้ย่อมประณีตไปด้วย อย่าถือเอาแต่ความง่ายและความสะดวกเป็นสำคัญเลย
แม่ค้าที่ทำอาหารสำหรับตักบาตรเจ้านั้นก็มีความพิถีพิถัน รู้จักที่จะเปลี่ยนกับข้าว เปลี่ยนเมนูต่าง ๆ ในแต่ละวัน แต่บางเจ้าก็เอาง่ายเข้าว่าเช่น ถ้ามีกับข้าวเมนูนี้ก็มีอยู่ทุกวัน ลองคิดดูสิว่าเป็นตัวเรา เรายังจะเบื่อกับข้าวซ้ำ ๆ พระท่านก็ต้องเบื่อเช่นกัน พยายามเลือกสรรอาหารเมนูใหม่ ๆ กับข้าวที่น่ากินไปถวาย และทำบุญพระสงฆ์บ้าง ทีตัวเรายังเลือกกินได้แต่ไฉนเวลาตักบาตรจึงหยิบอะไรก็ได้ตักบาตรให้พระท่านไปเช่นนั้น ที่จริงแล้วการทำบุญน่าจะประณีตกว่าการเลือกสรรของให้ตนเองด้วยซ้ำ
อย่าลืมเรื่องของดอกไม้ธูปเทียนควรจะมีถวาย
เรื่องของการถวายน้ำเปล่านี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ บางคนคิดว่าหากตักบาตรแล้วไม่ถวายน้ำเปล่าสักหนึ่งขวด จะเป็นเรื่องผิดบาปกลัวว่าเราตายไปแล้วจะต้องเป็นวิญญานหิวโหยกระหายน้ำ ที่จริงแล้วการถวายน้ำพระสงฆ์นั้นก็เป็นสิ่งที่ควร แต่การถวายน้ำคนละขวด ๆ นั้นพระท่านก็จะเป็นภาระตต้องหิ้วน้ำอันหนักอึ้งกลับวัดเป็นสิบ ๆขวด เพราะพระสงฆ์บางรูปไม่ได้มีลูกศิษย์ลูกหาคอยเดินหิ้วของให้ตามหลัง ดังนั้นเราควรจะพิจารณาให้ดี ถ้าเราตักบาตรนอกบ้าน ตักบาตรที่ตลาดยามเช้าไม่จำเป็นจะต้องถวายน้ำขวดท่านทุกครั้ง ถ้าพระสงฆ์บางรูปท่านมารูปเดียว จะต้องหิ้วน้ำขวดเป็นสิบ ๆ ขวดกลับวัดก็คงลำบากกระไรอยู่ อย่าคิดแต่ว่าจะห่วงแต่บุญกุศลที่ตนจะได้ เราต้องทำบุญเพื่อให้ได้กุศลด้วยจิตอันบริสุทธิ์ และมิคาดหวังผลบุญอย่างนั้นถึงจะได้กุศล อย่าคิดแต่ว่าจะต้องตักบาตรด้วยน้ำ ถ้าไม่ใส่แล้วเดี๋ยวเราจะเป็นวิญญานที่อดน้ำ นั้นแสดงว่าเราทำบุญด้วยการเห็นแก่ตัว เพราะคิดถึงแต่ตัวเราเป้นสำคัญ ทำบุญอย่างนี้ย่อมไม่ได้มหากุศลกลับคืนมาแน่แท้ แต่จะไ้บุญแค่ความอิ่มเอิบใจ ได้ความพองฟูในหัวใจเท่านั้น สรุปแล้วเรื่องของน้ำนี่สามารถถวายน้ำได้แต่ขอให้ดูความเหมาะสมบางสถานการณ์เป็นสำคัญ ถ้าพระสงฆ์ท่านเดินมาคนเดียวไม่มีลูกศิษย์ก็ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำขวดด้วยทุกครั้ง นอกจากเรื่องของการถวายน้ำเปล่าเป้นขวด ๆแล้ว เราสามารถที่จะลองไปหาซื้อน้ำผลไม้หรือนมกล่องถวายตักบาตรให้ท่านบ้างก็ได้
ส่วนเรื่องการปฏิบัติตนในขณะตักบาตร ถ้าสามารถสะดวกก็ให้ถอดรองเท้าแล้วเหยียบบนรองเท้าของเราก็ได้ถ้าพื้นตรงนั้นมันสกปรกมาก แต่บางคนสวมถุงเท้ารองเท้าเรียบร้อย ในกรณีผุ้ชายที่เตรียมจะไปทำงานหรือบางคนอาจจะใส่ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ ถ้าไม่สะดวกจะถอดก็ไม่เป็นไร ถ้าสะดวกจะถอดก็สามารถจะถอดรองเท้าแล้วยืนด้วยเท้าเปล่าเหยียบบนรองเท้าของเราอีกทีหนึ่งก็ได้
การจะตักบาตรให้ถูกธรรมเนียมพิธีของไทยแต่โบราณนั้นจะต้องกล่าวคาถาคำตักบาตรพระในใจไปด้วย
พระคาถาขณะตักบาตรพระ
" อิทัง ทานัง สีละวัน ตานัง ภิกขุนัง นิยาเทมิ สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง นิพานะปัจจโย โหตุ "
คำแปล ข้าพเจ้า ขอน้อมถวายของตักบาตรเหล่านี้ แด่พระสงฆ์ ผู้มีศีลทั้งหลาย ทานที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้วนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ถึงพระนิพพานด้วยเทอญ
เมื่อตักบาตรแล้วกลับมาที่บ้านให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรหรือญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเป็นการแบ่งปันอุทิศส่วนกุศลด้วยไม่ใช่เก็บบุญไว้เป็นของตนไว้เพียงผุ้เดียว
แลธรรมเนียมการตักบาตรพระนั้นควรจะใส่บ่อย ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ บางคนสะดวกที่จะตักบาตรพระทุกเช้าได้ก็เป็นบุญกุศลอันดีแก่ตนหรืออาจจะเลือกตักบาตรเฉพาะทุกวันพระ หรือทุกวันเกิดตน เช่น เกิดวันจันทร์ ก็ตักบาตรทุกวันจันทร์ก็ได้ หรือไม่ต้องถือวาระโอกาสใด สะดวกเมื่อไรก็ตักบาตรอาทิตย์ละ ๓-๔ ครั้งได้จะยิ่งเป็นการสั่งสมบุญกุศลที่ดี
คำถวายดอกไม้ธูปเทียนเพื่อบูชา
อิมานิ มะยัง ภันเต ทีปะธูปะปุปผะวะรานิ ระตะนัตตะยัสเสวะ อะภิปูเชมะ อัมหากัง ระตะนัตยัสสะ ปูชา ทีฆะรัตตัง หิตะสุขาวะหา โหตุ อาสะวักขะยัปปัตติยา
คำแปล
ข้าแต่พระคุณเจ้าทั้งหลายผู้เจริญข้าพเจ้าทั้งหลายขอบูชาธูปเทียนและดอกไม้อันประเสริฐเหล่านี้ แก่พระรัตนตรัย กิริยาที่บูชาแก่พระรัตนตรัยนี้จงเป็นผลนำมาซึ่งประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนาน จงเป้นไปเพื่อให้ถึงซึ่งพระนิพพาน เป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะกิเลส เทอญ ฯ
บุญ คือเครื่องชำระล้างจิตใจให้สะอาด เกิดจากการกระทำความดี หากผู้ใดปรารถนาที่จะได้บุญแล้วละก็ จักต้องเร่งสร้างบุญ สร้างกุศลเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อกักเก็บเป้นเสบียงแห่งความดี เป็นเกราะป้องกันเหตุเภทภัยให้แคล้วคลาด
ข้าวผัดสับปะรด ข้าวผัดสับปะรด ข้าวผัดสับปะรด
ส่วนประกอบ
ข้าวสวย ๑ ถ้วย สับปะรด ๑/๒ ถ้วย หมูสับ ๑/๒ ลูกเกด ๑ ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย ๒ ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา น้ำมันพืช ซอสหอย ๑ ช้อนโต๊ะ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือถั่วชนิดต่าง ๆ ๒ ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
๑. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไป พอร้อนแล้วจึงค่อยใส่หมูสับลงไป ผัดให้หมูสุก
๒. พอหมูสุกจึงค่อยปรุงรสด้วยซอสหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายขาว ผัดอีกครั้งให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเค็มหวาน
๓. เมื่อผัดหมูได้ที่แล้วจึงค่อยใส่ข้าวสวยลงไปผัด คลุกเคล้าให้ข้าวเข้ากับหมูสับที่ผัดเอาไว้
๔. จากนั้นจึงใส่สับปะรด ลูกเกด เมล็ดมะม่วง หรือถั่วชนิดต่าง ๆ
๕. ผัดสักพักจนข้าวแห้ง ชิมรสอีกหนึ่งครั้งว่าอ่อนเค็ม หรืออ่อนหวาน
๖. เมื่อชิมรสได้ที่แล้วให้โรยด้วยต้นหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากันตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
น้ำเปล่า ๆ ใส่น้ำยาอุทัยตราหมอมี ใส่น้ำแข็ง หอมเย็นชื่นใจ คลายร้อน ผ่อนกระหาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น